อยากรีไฟแนนซ์รถยนต์ต้องทำยังไง?
อยากรีไฟแนนซ์รถยนต์ต้องทำยังไง?
อยากรีไฟแนนซ์รถในปีนี้ต้องอ่านให้จบ! การรีไฟแนนซ์เป็นทางเลือกสำหรับเจ้าของรถที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายรายเดือน ต้องการนำเงินก้อนไปใช้ในเรื่องที่เร่งด่วน หรือแม้แต่การลดภาระหนี้สินของตัวเอง ซึ่งสำหรับใครที่ต้องการรีไฟแนนซ์รถยนต์ และอยากทำความเข้าใจกับการรีไฟแนนซ์อย่างจริงจัง บทความนี้ เงินให้ใจจะมาอัปเดตขั้นตอนการรีไฟแนนซ์ และข้อควรระวังที่คุณอาจต้องเผชิญกัน พร้อมแล้วก็ไปดูพร้อมๆ กันได้เลย
การรีไฟแนนซ์รถยนต์คืออะไร?
การรีไฟแนนซ์รถคือการที่เจ้าของรถยนต์ยื่นขอกู้เงินจากสถาบันการเงินโดยใช้รถยนต์เป็นหลักประกัน เพื่อนำเงินก้อนนั้นไปใช้ตามความต้องการอื่นๆ หรือลดอัตราดอกเบี้ยและขยายระยะเวลาผ่อนชำระ เพื่อให้ยอดผ่อนรายเดือนลดลง ซึ่งช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาทางการเงินสามารถจัดการหนี้สินได้ดีขึ้น
เพราะอะไร เราถึงต้องรีไฟแนนซ์รถ?
การรีไฟแนนซ์รถเป็นทางเลือกที่ดีมากๆ สำหรับคนที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายหรือปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการกู้ยืมเพื่อให้เหมาะสมกับสถานะการเงินหรือความต้องการในปัจจุบันของตัวเอง ซึ่งเงินให้ใจได้รวบรวมเหตุผลหลักที่ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องการรีไฟแนนซ์รถยนต์มา 5 ข้อด้วยกัน
1. ลดอัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอาจต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยในอดีตที่คุณได้กู้ยืมเงิน ทำให้สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้
2. ช่วยให้เรามีภาระค่างวดที่น้อยลงได้ อย่างเช่น การเพิ่มหรือลดระยะเวลาการผ่อนชำระ หรือปรับเปลี่ยนข้อบังคับในการชำระเงิน ซึ่งสามารถพูดคุยกับทางสถาบันการเงินได้ในขั้นตอนนี้เลย
3. ลดค่าใช้จ่ายรายเดือน เหมาะกับคนที่อยากลดค่าใช้จ่ายรายเดือนในระยะยาว โดยที่ยังสามารถใช้รถได้ตามปกติ
4. เปลี่ยนสถาบันการเงินที่ต้องการผ่อนรถด้วย ถ้าเรารู้สึกว่าอัตราดอกเบี้ยหรือเงื่อนไขการกู้ยืมไม่เหมาะสมกับความต้องการหรือสถานะการเงินของตัวเอง ก็สามารถพิจารณาเปลี่ยนสถาบันการเงินโดยการรีไฟแนนซ์รถได้เช่นกัน
5. เพิ่มสภาพคล่องของการเงินในกระเป๋า ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายเดือนหรือลดระยะเวลาการชำระหนี้ได้
ต้องดูอะไรก่อนการรีไฟแนนซ์รถยนต์?
ทุกครั้งก่อนที่เราจะมีการรีไฟแนนซ์ สิ่งที่ควรระวังและควรใส่ใจในรายละเอียดมากๆ นั้นมีอยู่ 6 ข้อด้วยกัน ซึ่งถ้าเราใส่ใจรายละเอียดเหล่านี้แล้ว การรีไฟแนนซ์รถยนต์จะเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยอย่างแน่นอน
1. ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์รถยนต์ มีอะไรที่เราต้องเสียบ้าง? เช่น ค่าปรับล่วงหน้า ค่าปรับดอกเบี้ย หรือค่าธรรมเนียมการปิดบัญชี และให้แน่ใจว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่เราสามารถรับได้
2. อัตราดอกเบี้ยแต่ละธนาคารมีความต่างกัน ให้ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยใหม่ที่เราจะได้รับและเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเดิมเพื่อให้แน่ใจว่าการรีไฟแนนซ์ครั้งนี้จะคุ้มค่าจริงๆ
3. ดูเงื่อนไขการชำระหนี้ใหม่ เช่น ระยะเวลาการผ่อนชำระ การเปลี่ยนแปลงในการชำระเงิน หรือเงื่อนไขการบริหารจัดการหนี้ในระยะยาวของทางบริษัทสินเชื่อ
4. พิจารณาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ถ้าเราไม่สามารถชำระเงินตามเงื่อนไขที่ใหม่ สถาบันการเงินอาจมีการคิดดอกเบี้ยผิดนัด ค่าปรับ ค่าติดตามทวงถามหนี้ และอาจเสียกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่นำไปเป็นประกันได้
5. การแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวกับทางบริษัทสินเชื่อ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยตระหนักถึง แนะนำให้ศึกษาข้อตกลงความเป็นส่วนตัวและนโยบายการรักษาความลับก่อนทำการรีไฟแนนซ์ทุกครั้ง
6. ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญการรีไฟแนนซ์ หากเราไม่แน่ใจหรือมีคำถามบางอย่างเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์ที่อินเตอร์เน็ตไม่สามารถตอบได้จริงๆ
เอกสารที่ต้องใช้ในการรีไฟแนนซ์รถ
ก่อนจะถึงขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ก็ต้องดูเอกสารที่เราต้องเตรียมก่อนที่จะขอสินเชื่อ ว่าจะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง โดยมีเอกสารที่ต้องการทั้งหมดดังนี้
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาเล่มทะเบียนรถยนต์
- หลักฐานที่มาของรายได้ทั้งหมด
- สลิปเงินเดือน
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ต้องทำอะไรบ้าง?
1. เตรียมเอกสารต่างๆ ให้พร้อม
ก่อนเริ่มกระบวนการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ควรเตรียมเอกสารที่จำเป็นให้พร้อม ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนรถยนต์, สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองเงินเดือน, และสำเนาการเดินบัญชีธนาคารย้อนหลัง ตามที่สถาบันการเงินกำหนด
2. ติดต่อสถาบันการเงิน
เมื่อเลือกสถาบันการเงินที่ต้องการรีไฟแนนซ์แล้ว ให้ติดต่อสถาบันนั้นเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ ที่ต้องดำเนินการ เจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับกระบวนการและเอกสารที่ต้องใช้ เพื่อให้เรื่องของคุณเข้าสู่กระบวนการอนุมัติได้เร็วขึ้น
3. รอผลการอนุมัติ
หลังจากติดต่อสถาบันการเงินเรียบร้อยแล้ว ให้รอการติดต่อกลับตามระยะเวลาที่เจ้าหน้าที่กำหนด เมื่อได้รับการแจ้งว่าอนุมัติแล้ว แสดงว่าคุณจะได้รับเงินก้อนใหม่จากการรีไฟแนนซ์
4. ติดต่อสถาบันการเงินเก่า
เมื่อได้รับการอนุมัติจากสถาบันการเงินใหม่แล้ว ให้ติดต่อสถาบันการเงินเก่าเพื่อปิดบัญชี โดยอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งจะต้องชำระก่อนที่จะสามารถดำเนินการต่อได้
5. นำเอกสารเพิ่มเติมไปที่สถาบันการเงินใหม่
หลังจากจัดการกับสถาบันการเงินเก่าเรียบร้อยแล้ว ให้นำเอกสารเพิ่มเติม เช่น เล่มทะเบียนรถ ไปที่สถาบันการเงินใหม่ตามที่กำหนด
6. รับเงินจากสถาบันการเงินหลังหักค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว
ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย สถาบันการเงินใหม่จะมอบเงินรีไฟแนนซ์ให้กับคุณ หลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น เงินที่ต้องจ่ายให้สถาบันการเงินเก่า, ค่าธรรมเนียม, และค่าอากรแสตมป์ เท่านี้ก็เสร็จสิ้นกระบวนการรีไฟแนนซ์รถยนต์เรียบร้อยแล้ว
สรุป
การรีไฟแนนซ์รถเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเจ้าของรถยนต์ ที่ทำให้เราสามารถลดภาระหนี้ลงได้ ซึ่งการเตรียมตัวอย่างดีและการทำความเข้าใจในขั้นตอนทั้งหมด จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและประสบความสำเร็จในการรีไฟแนนซ์รถ นอกจากเรื่องการรีไฟแนนซ์แล้ว เงินให้ใจยังมีบริการสินเชื่อสำหรับรถยนต์ รถตู้ รถกระบะและรถบรรทุก ที่มีความน่าเชื่อถือ บริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ เงินให้ใจ
กู้เท่าที่จำเป็น และชำระคืนไหว
สินเชื่อแบบโอนเล่มทะเบียนรถ อัตราดอกเบี้ยคงที่ รถส่วนบุคคล เริ่มต้น 3.10% - 8.65% ต่อปี
และ รถเชิงพาณิชย์ เริ่มต้น 3.10% - 15.00% ต่อปี
สินเชื่อแบบจำนำเล่มทะเบียน อัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอก เริ่มต้น 12.82% - 24.00% ต่อปี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.ngernhaijai.com/
Line : https://bit.ly/3zDd5Kz
เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899
เผยแพร่ 25 ก.ค. 2567
บทความอื่น ๆ
อัปเดตค่าโอนรถยนต์ 2567 ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่
เจาะลึกค่าใช้จ่ายในการโอนรถยนต์ปี 2567 พร้อมเทคนิคการประหยัดและวิธีคำนวณค่าโอนแบบละเอียด รู้ก่อนใคร เตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปกรมขนส่ง
เผยแพร่ 7 พ.ย. 2567
โอนรถยนต์ใช้เอกสารอะไรบ้าง โอนข้ามจังหวัดได้หรือไม่
เจาะลึกขั้นตอนการโอนรถยนต์ พร้อมเปิดโปงเอกสารสำคัญที่ต้องเตรียม และวิธีโอนรถข้ามจังหวัดแบบไม่ต้องเดินทาง เรียนรู้เทคนิคประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการโอนรถ
เผยแพร่ 7 พ.ย. 2567
ใบขับขี่รถยนต์หาย ทำอย่างไรต่อดี?
เจาะลึกวิธีจัดการเมื่อใบขับขี่รถยนต์หาย พร้อมขั้นตอนการทำใบแทนแบบเร่งด่วน และเทคนิคป้องกันปัญหาในอนาคต เรียนรู้วิธีรับมืออย่างมืออาชีพกับสถานการณ์ฉุกเฉินนี้
เผยแพร่ 7 พ.ย. 2567