สัญญาณไฟเตือน
เงินให้ใจ

10 สัญญาณอันตรายไฟเตือนหน้าปัดรถที่ไม่ควรมองข้าม

เป็นเรื่องปกติของ “รถยนต์” ที่จะมาพร้อมกับระบบที่คอยตรวจสอบการทำงานของส่วนประกอบต่างๆ อยู่ตลอดเวลา เมื่อระบบตรวจพบความผิดปกติ สัญญาณไฟเตือนหน้าปัดรถจะปรากฏขึ้นเพื่อแจ้งเตือนผู้ขับขี่ การเข้าใจความหมายของไฟเตือนเหล่านี้และรู้จักวิธีรับมือที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานของรถยนต์ บทความนี้ เงินให้ใจจะมาแนะนำ 10 สัญญาณอันตรายไฟเตือนหน้าปัดรถที่คุณไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด

สัญญาณอันตรายไฟเตือนหน้าปัดรถ

1. ไฟเตือนระบบเบรก (Brake System Warning Light)

สัญลักษณ์ : รูปวงกลมล้อมรอบตัวอักษร "!" หรือคำว่า "BRAKE"

ไฟเตือนระบบเบรกเป็นหนึ่งในสัญญาณไฟเตือนที่อันตรายที่สุดบนหน้าปัดรถ เมื่อไฟนี้สว่างขึ้น อาจหมายถึงปัญหาร้ายแรงในระบบเบรก เช่น ระดับน้ำมันเบรกต่ำ ผ้าเบรกสึกหรอมากเกินไป หรือระบบ ABS (ระบบป้องกันล้อล็อก) ทำงานผิดปกติ

สิ่งที่ควรทำ : หากไฟเตือนนี้สว่างขึ้นขณะขับขี่ ให้ชะลอความเร็วและหาที่จอดที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกและสภาพผ้าเบรก หากพบความผิดปกติ ไม่ควรขับขี่ต่อ ให้เรียกบริการช่วยเหลือฉุกเฉินหรือลากรถไปยังศูนย์บริการทันที

2. ไฟเตือนความดันน้ำมันเครื่อง (Oil Pressure Warning Light)

สัญลักษณ์ : รูปกาน้ำมัน

สัญญาณไฟเตือนนี้จะสว่างขึ้นเมื่อความดันน้ำมันเครื่องต่ำกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น น้ำมันเครื่องรั่วไหล ปั๊มน้ำมันเครื่องทำงานผิดปกติ ระดับน้ำมันเครื่องต่ำเกินไป

สิ่งที่ควรทำ : หากไฟเตือนนี้สว่างขึ้น ให้จอดรถในที่ปลอดภัยและดับเครื่องยนต์ทันที การขับรถต่อไปอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายอย่างรุนแรงได้ ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและมองหาร่องรอยการรั่วไหล หากไม่พบสิ่งผิดปกติ ให้ติดต่อศูนย์บริการเพื่อขอความช่วยเหลือ

3. ไฟเตือนอุณหภูมิเครื่องยนต์สูง (Engine Temperature Warning Light)

สัญลักษณ์ : รูปเทอร์โมมิเตอร์หรือปรอทวัดอุณหภูมิ

สัญญาณไฟเตือนนี้จะสว่างขึ้นเมื่ออุณหภูมิเครื่องยนต์สูงเกินกว่าระดับปกติ ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น น้ำหล่อเย็นรั่วไหล พัดลมระบายความร้อนทำงานผิดปกติ ปั๊มน้ำเสีย

สิ่งที่ควรทำ : จอดรถในที่ปลอดภัยและดับเครื่องยนต์ทันที เปิดฝากระโปรงหน้าเพื่อระบายความร้อน แต่ระวังอย่าสัมผัสชิ้นส่วนที่ร้อน ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและมองหาร่องรอยการรั่วไหล หากเครื่องยนต์เย็นลงแล้ว ให้เติมน้ำหล่อเย็นหากจำเป็น แต่หากปัญหายังคงอยู่ ควรติดต่อศูนย์บริการเพื่อขอความช่วยเหลือ

4. ไฟเตือนระบบชาร์จไฟ (Charging System Warning Light)

สัญลักษณ์ : รูปแบตเตอรี่หรือเครื่องหมาย "+" และ "-"

สัญญาณไฟเตือนนี้จะสว่างขึ้นเมื่อระบบชาร์จไฟทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาต่างๆ เช่น สายพานไดชาร์จขาดหรือหลวม ไดชาร์จเสีย แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ

สิ่งที่ควรทำ : หากไฟเตือนนี้สว่างขึ้นขณะขับขี่ ให้ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นทั้งหมด เช่น เครื่องปรับอากาศ วิทยุ เพื่อประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ พยายามขับรถไปยังศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุด หากรถดับระหว่างทาง อาจต้องใช้บริการลากรถ

5. ไฟเตือนระบบถุงลมนิรภัย (Airbag Warning Light)

สัญลักษณ์ : รูปคนนั่งมีถุงลมด้านหน้า

สัญญาณไฟเตือนนี้จะสว่างขึ้นเมื่อระบบถุงลมนิรภัยทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาต่างๆ เช่น เซ็นเซอร์ถุงลมนิรภัยทำงานผิดปกติ สายไฟระบบถุงลมนิรภัยหลุดหรือขาด โมดูลควบคุมถุงลมนิรภัยมีปัญหา

สิ่งที่ควรทำ : ไม่ควรมองข้ามไฟเตือนนี้เด็ดขาด เพราะหากเกิดอุบัติเหตุ ถุงลมนิรภัยอาจไม่ทำงานหรือทำงานผิดพลาด ควรนำรถเข้าศูนย์บริการโดยเร็วที่สุดเพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหา

6. ไฟเตือนระบบเสถียรภาพการทรงตัว (ESC/ESP Warning Light)

สัญลักษณ์ : รูปรถกำลังลื่นไถล

สัญญาณไฟเตือนนี้จะกะพริบเมื่อระบบ ESC/ESP กำลังทำงานเพื่อช่วยควบคุมการทรงตัวของรถ แต่หากไฟนี้สว่างค้าง แสดงว่าระบบมีปัญหา ซึ่งอาจเกิดจากเซ็นเซอร์ล้อทำงานผิดปกติ ปัญหาในระบบไฟฟ้า ระบบ ABS มีปัญหา

สิ่งที่ควรทำ : หากไฟเตือนนี้สว่างค้าง ควรลดความเร็วและขับขี่อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในสภาพถนนลื่นหรือเปียก ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบระบบโดยเร็วที่สุด

7. ไฟเตือนระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ (Power Steering Warning Light)

สัญลักษณ์ : รูปพวงมาลัยหรือตัวอักษร "EPS"

ไฟเตือนนี้จะสว่างขึ้นเมื่อระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาต่างๆ เช่น น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์รั่วหรือหมด (สำหรับระบบไฮดรอลิก) มอเตอร์ไฟฟ้าหรือเซ็นเซอร์มีปัญหา (สำหรับระบบไฟฟ้า) สายพานขับปั๊มพวงมาลัยเพาเวอร์ขาดหรือหลวม

สิ่งที่ควรทำ : หากสัญญาณไฟเตือนนี้สว่างขึ้น การบังคับพวงมาลัยอาจทำได้ยากขึ้น ควรจอดรถในที่ปลอดภัยและตรวจสอบระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ (ถ้ามี) หากไม่พบสิ่งผิดปกติ ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบระบบโดยเร็วที่สุด

8. ไฟเตือนระบบควบคุมการปล่อยไอเสีย (Check Engine Light)

สัญลักษณ์ : รูปเครื่องยนต์หรือข้อความ "Check Engine"

ไฟเตือน Check Engine เป็นหนึ่งในสัญญาณไฟเตือนที่พบบ่อยที่สุด แต่ก็มักถูกมองข้ามมากที่สุดเช่นกัน ไฟนี้อาจสว่างขึ้นด้วยสาเหตุหลายประการ ตั้งแต่ปัญหาเล็กน้อยไปจนถึงปัญหาร้ายแรง เช่น ฝาถังน้ำมันหลวมหรือปิดไม่สนิท หัวเทียนเสื่อมสภาพ ตัวกรองอากาศอุดตัน เซ็นเซอร์ออกซิเจนเสีย ระบบไอดีรั่ว ปัญหาในระบบจุดระเบียน ปัญหาในระบบควบคุมการปล่อยไอเสีย

สิ่งที่ควรทำ : หากไฟ Check Engine สว่างขึ้น ควรตรวจสอบฝาถังน้ำมันว่าปิดสนิทหรือไม่ หากปัญหายังคงอยู่ ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ปัญหา (OBD Scanner) โดยเร็ว การละเลยไฟเตือนนี้อาจทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อเครื่องยนต์และระบบควบคุมมลพิษได้

9. ไฟเตือนระดับน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ (Low Fuel Warning Light)

สัญลักษณ์ : รูปปั๊มน้ำมันหรือเกจวัดน้ำมัน

แม้จะไม่ใช่ไฟเตือนที่บ่งบอกถึงปัญหาทางเทคนิค แต่สัญญาณไฟเตือนระดับน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำก็เป็นสัญญาณสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การขับรถโดยมีน้ำมันเหลือน้อยอาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น เครื่องยนต์ดับกะทันหันเนื่องจากน้ำมันหมด ปั๊มน้ำมันเสียหายเนื่องจากดูดอากาศแทนน้ำมัน ตะกอนในถังน้ำมันถูกดูดเข้าระบบเชื้อเพลิง

สิ่งที่ควรทำ : เมื่อไฟเตือนนี้สว่างขึ้น ควรหาปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุดเพื่อเติมน้ำมัน ไม่ควรปล่อยให้น้ำมันหมดถังเด็ดขาด นอกจากนี้ ควรสังเกตระยะทางที่ขับได้หลังจากไฟเตือนสว่าง เพื่อประมาณการปริมาณน้ำมันสำรองที่เหลืออยู่

10. ไฟเตือนระบบ ABS (ABS Warning Light)

สัญลักษณ์ : ตัวอักษร "ABS" ในวงกลม

ระบบ ABS (Anti-lock Braking System) เป็นระบบความปลอดภัยสำคัญที่ช่วยป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกะทันหัน สัญญาณไฟเตือน ABS จะสว่างขึ้นเมื่อระบบมีปัญหา ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น เซ็นเซอร์ ABS ที่ล้อเสียหรือสกปรก ปัญหาในระบบไฟฟ้าของ ABS หรือการที่ปั๊ม ABS ทำงานผิดปกติ

สิ่งที่ควรทำ : หากไฟเตือน ABS สว่างขึ้น ระบบเบรกปกติยังคงทำงานได้ แต่ระบบป้องกันล้อล็อกจะไม่ทำงาน ควรขับขี่อย่างระมัดระวังโดยเฉพาะในสภาพถนนเปียกหรือลื่น และนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบระบบโดยเร็วที่สุด

สรุป

สัญญาณไฟเตือนหน้าปัดรถเป็นระบบแจ้งเตือนสำคัญที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์ การทำความคุ้นเคยกับคู่มือการใช้งานรถยนต์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากสัญลักษณ์และความหมายของไฟเตือนอาจแตกต่างกันไปในรถแต่ละรุ่นหรือแต่ละยี่ห้อ การรู้จักรถของคุณดีจะช่วยให้คุณสามารถตอบสนองต่อสัญญาณเตือนต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยรักษาความปลอดภัยของคุณและผู้ร่วมทางบนท้องถนน รวมถึงยืดอายุการใช้งานของรถยนต์คู่ใจของคุณได้อีกด้วย

สำหรับใครที่ต้องการเงินด่วน สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือ บริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ เงินให้ใจ

“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Website : https://www.ngernhaijai.com/

Line : https://bit.ly/3zDd5Kz

เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899

เผยแพร่ 12 ก.ย. 2567

บทความอื่น ๆ

ร้านค้าออนไลน์

อยากเด่นต้องแตกต่าง! รวมทริคดันร้านเสื้อผ้าออนไลน์ให้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง

เปิดร้านค้าออนไลน์ ขายเสื้อผ้ายังไงให้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง? รวมเทคนิคปั้นธุรกิจเสื้อผ้าให้โต พร้อมไอเดียขยายธุรกิจด้วยเงินกู้ถูกกฎหมาย

เผยแพร่ 17 เม.ย. 2568

รถคันแรก

รถคันแรกในชีวิต เลือกแบบไหนให้เหมาะสมกับตัวเอง

รถคันแรกเลือกแบบไหนดี? เทียบข้อดีรถน้ำมัน รถไฟฟ้า รถครอบครัว และรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันที่สุด พร้อมเทคนิคเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์คุณ

เผยแพร่ 17 เม.ย. 2568

ซื้อรถมือสอง

แชร์ด่วน! ซื้อรถมือสองอย่างไรให้ได้ราคาดีที่สุด

ซื้อรถมือสองอย่างไรให้ได้ราคาดี? เช็กลิสต์ก่อนออกรถมือสอง เลี่ยงรถย้อมแมว ต่อรองอย่างโปร พร้อมเทคนิคขายรถมือสองไม่ขาดทุน

เผยแพร่ 17 เม.ย. 2568