อัปเดตค่าโอนรถยนต์ 2567 ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่

คุณกำลังจะซื้อรถมือสอง หรือขายรถให้คนอื่นใช่ไหม? แต่กลัวว่าจะเตรียมเงินไม่พอสำหรับค่าโอนรถ? ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป บทความนี้ เงินให้ใจจะพาคุณไปรู้จักกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการโอนรถยนต์ปี 2567 พร้อมเผยเคล็ดลับการประหยัดค่าโอนที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

ในปี 2567 นี้ มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมและขั้นตอนการโอนรถ ที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อหรือขายรถ ไม่ว่าจะเป็นการปรับราคาค่าธรรมเนียมโอนรถบางรายการ หรือการเพิ่มช่องทางการทำธุรกรรมออนไลน์ที่จะช่วยให้การโอนรถสะดวกยิ่งขึ้น

ค่าโอนรถยนต์ 2567 

ก่อนอื่น มาดูกันว่าค่าโอนรถยนต์ในปี 2567 มีอะไรบ้าง และแต่ละรายการคิดเงินเท่าไหร่

1. ค่าคำขอ : 5 บาท

2. ค่าธรรมเนียมโอนรถยนต์ : 100 บาท (ราคาคงที่ ไม่ขึ้นกับราคารถ)

3. ค่าอากรแสตมป์ : 0.5% ของราคาประเมินรถ 

4. ค่าเปลี่ยนป้ายทะเบียน : 200 บาท (กรณีต้องการเปลี่ยน)

5. ค่าเปลี่ยนเล่มทะเบียน : 100 บาท (กรณีเล่มเก่าชำรุด)

ตัวอย่างการคำนวณค่าโอนรถแบบคร่าวๆ

สมมติว่าคุณซื้อรถราคา 500,000 บาท ค่าโอนรถยนต์ของคุณคือ

- ค่าคำขอ + ค่าธรรมเนียมโอนรถ = 105 บาท

- ค่าอากรแสตมป์ = 2,500 บาท (0.5% ของ 500,000)

- รวมประมาณ 2,605 บาท (ยังไม่รวมค่าเปลี่ยนป้ายและเล่มทะเบียน)

เอกสารที่ต้องใช้ในการโอนรถ

การเตรียมเอกสารโอนรถให้ครบถ้วนจะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปกรมขนส่งหลายรอบ มาดูกันว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง

- สำหรับผู้ขาย (ผู้โอน) :

1. เล่มทะเบียนรถ (ฉบับจริง)

2. บัตรประชาชน (พร้อมสำเนา 2 ชุด)

3. ทะเบียนบ้าน (พร้อมสำเนา 2 ชุด)

4. แบบคำขอโอน (กรอกและเซ็นชื่อให้เรียบร้อย)

- สำหรับผู้ซื้อ (ผู้รับโอน) :

1. บัตรประชาชน (พร้อมสำเนา 2 ชุด)

2. ทะเบียนบ้าน (พร้อมสำเนา 2 ชุด)

3. แบบคำขอรับโอน (กรอกและเซ็นชื่อให้เรียบร้อย)

อย่าลืมถ่ายสำเนาเอกสารโอนรถเผื่อไว้ 1-2 ชุด เผื่อกรณีที่เจ้าหน้าที่อาจขอเพิ่มเติม

ขั้นตอนการโอนรถ

1. ตรวจสภาพรถ : ก่อนโอน ต้องนำรถไปตรวจสภาพที่กรมการขนส่งทางบก (ค่าตรวจสภาพประมาณ 200 บาท)

2. กรอกแบบฟอร์ม : ทั้งผู้โอนและผู้รับโอนต้องกรอกแบบฟอร์มการโอนให้ครบถ้วน

3. ยื่นเอกสาร : นำเอกสารโอนรถทั้งหมดไปยื่นที่เคาน์เตอร์บริการ

4. ชำระค่าธรรมเนียม : จ่ายค่าธรรมเนียมโอนรถตามที่เจ้าหน้าที่แจ้ง

5. รับเล่มทะเบียนใหม่ : เจ้าหน้าที่จะออกเล่มทะเบียนใหม่ให้ผู้รับโอน

เทคนิคประหยัดค่าโอนรถ ลดค่าใช้จ่ายได้จริง

ใครว่าการโอนรถต้องจ่ายแพงเสมอไป? จริงๆ แล้วมีวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายที่หลายคนอาจไม่รู้ ด้วยเทคนิคง่ายๆ ที่เราจะแนะนำต่อไปนี้ คุณสามารถลดค่าโอนรถได้อย่างน่าทึ่ง โดยไม่ผิดกฎหมายและไม่ต้องเสียเวลามากมาย มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยให้กระเป๋าสตางค์ของคุณอยู่รอดในยุคที่ทุกบาททุกสตางค์มีค่า!

1. เลือกวันโอนให้ดี : บางวันกรมขนส่งอาจมีโปรโมชั่นลดค่าธรรมเนียมโอนรถ ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

2. ตรวจสอบราคาประเมิน : ถ้าราคาประเมินสูงเกินไป สามารถขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบใหม่ได้

3. เตรียมเงินสด : บางครั้งการจ่ายด้วยบัตรเครดิตอาจมีค่าธรรมเนียมโอนรถเพิ่ม

4. ทำเรื่องด้วยตัวเอง : หลีกเลี่ยงการใช้บริการนายหน้า จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก

อย่าลืม! โอนประกันรถยนต์ด้วย

เมื่อโอนรถเสร็จ อย่าลืมโอนประกันรถยนต์ด้วย โดยมีทั้งหมด 2 ส่วนคือ

1. ประกันไม่ระบุผู้ขับขี่ : ส่งสำเนาบัตรประชาชนผู้โอนและผู้รับโอน พร้อมใบซื้อขาย ให้บริษัทประกัน

2. ประกันระบุผู้ขับขี่ : ต้องกรอกแบบฟอร์มเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกัน และส่งหลักฐานการซื้อขาย

สรุป

ในยุคนี้ การโอนรถไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะถ้าหากคุณมีการเตรียมตัวให้พร้อมทั้งเรื่องเอกสารโอนรถและค่าโอนรถยนต์ คุณจะสามารถโอนรถได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด อย่าลืมว่าการโอนรถต้องทำให้เสร็จภายใน 15 วันหลังซื้อขาย เพื่อไม่ให้ถูกปรับตามกฎหมายนั่นเอง

สำหรับใครที่ต้องการเงินด่วน สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/

“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Website : https://www.ngernhaijai.com/

Line : https://bit.ly/3zDd5Kz

เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899