

เทคนิคลดหย่อนภาษีกับสินเชื่อรถเพื่อธุรกิจ
การวางแผนภาษีที่ดีเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ใช้สินเชื่อรถยนต์เป็นแหล่งเงินทุน การวางแผนภาษีที่รอบคอบไม่เพียงช่วยให้คุณเสียภาษีได้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังช่วยให้วางแผนการเงินได้อย่างเป็นระบบ และได้รับประโยชน์สูงสุดจากการ ลดหย่อนภาษี วันนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคการลดหย่อนภาษีสำหรับธุรกิจที่ใช้สินเชื่อรถยนต์กัน
คลายความสงสัย สินเชื่อรถใช้ลดหย่อนภาษีได้หรือไม่?
หลายคนอาจสงสัยว่าการทำสินเชื่อรถยนต์จะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้โดยตรงหรือไม่ คำตอบคือ ตัวสินเชื่อรถเองไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้โดยตรง แต่เงินที่ได้จากสินเชื่อสามารถนำไปต่อยอดเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้หลายรูปแบบ เช่น นำไปลงทุนในกองทุนรวมประเภทต่างๆ การบริจาค หรือการลงทุนในธุรกิจเพื่อสังคม
อย่างไรก็ตาม หากเป็นการทำสินเชื่อรถในนามนิติบุคคลเพื่อใช้ในกิจการ ดอกเบี้ยที่จ่ายสามารถนำไปคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการวางแผนภาษีของธุรกิจได้ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งประโยชน์ทางอ้อมที่ผู้ประกอบการควรพิจารณา
ประโยชน์ทางภาษีจากดอกเบี้ยสินเชื่อรถ
หลายคนอาจไม่ทราบว่าดอกเบี้ยจากการทำสินเชื่อรถยนต์เพื่อใช้ในกิจการสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ โดยถือเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ต้องเป็นรถที่จดทะเบียนในนามนิติบุคคลและใช้ในกิจการจริง ดอกเบี้ยที่จ่ายสามารถนำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ทั้งจำนวน
การลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี
เมื่อได้รับเงินจากสินเชื่อรถยนต์มาแล้ว การนำเงินบางส่วนไปลงทุนในกองทุนรวมที่รัฐให้สิทธิลดหย่อนภาษี ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เช่น กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ที่ให้สิทธิลดหย่อนภาษี 30% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท เป็นวงเงินแยกต่างหากจากการลงทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ โดยต้องถือหน่วยลงทุนไว้เกิน 5 ปีขึ้นไป
นอกจากนี้ยังสามารถลงทุนในกองทุน RMF ที่ให้สิทธิลดหย่อนภาษีไม่เกิน 30% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท หรือกองทุน SSF ที่ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
การวางแผนค่าเสื่อมราคารถยนต์
การวางแผนภาษีเกี่ยวกับค่าเสื่อมราคารถยนต์ก็สำคัญ ตามกฎหมายกำหนดให้คิดค่าเสื่อมราคารถยนต์นั่งไม่เกิน 5 ปี และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ไม่เกิน 7 ปี ซึ่งค่าเสื่อมราคานี้สามารถนำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้
การลดหย่อนภาษีจากการบริจาค
นอกจากการใช้ประโยชน์จากสินเชื่อรถยนต์โดยตรงแล้ว การนำกำไรจากธุรกิจไปบริจาคก็เป็นอีกวิธีในการลดหย่อนภาษี โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
1. เงินบริจาคทั่วไปให้วัดหรือมูลนิธิ ลดหย่อนได้ตามจริงไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย
2. เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา การพัฒนาสังคม และสถานพยาบาลของรัฐ ลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินบริจาค แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน
3. เงินบริจาคให้พรรคการเมือง ลดหย่อนได้ตามจริงไม่เกิน 10,000 บาท
การลงทุนในกิจการเพื่อสังคม
การนำเงินจากสินเชื่อรถยนต์ไปลงทุนในธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ลงทุนตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป สามารถนำเงินลงทุนมาลดหย่อนภาษีได้ตามจริงสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งเป็นการช่วยเหลือสังคมไปพร้อมกับได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ หากมีการใช้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ในธุรกิจ ยังสามารถใช้สิทธิโครงการ Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษีได้ตามจ่ายจริงสูงสุด 50,000 บาทต่อคน
การวางแผนประกันภัยธุรกิจ
การทำประกันภัยธุรกิจและประกันรถยนต์ที่ใช้ในกิจการก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เบี้ยประกันถือเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ สามารถนำไปหักในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ทั้งจำนวน การ วางแผนภาษีในส่วนนี้จึงควรพิจารณาเลือกแผนประกันที่ให้ความคุ้มครองเหมาะสมกับธุรกิจ
การลงทุนในอุปกรณ์และเทคโนโลยี
เงินจากสินเชื่อรถยนต์ที่นำไปลงทุนในอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาธุรกิจ สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนของรัฐ บางกรณีอาจได้รับสิทธิพิเศษในการหักค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 100% ของมูลค่าการลงทุน
การจ้างงานเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี
การนำเงินจากสินเชื่อรถยนต์ไปขยายธุรกิจและจ้างพนักงานใหม่ก็มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเฉพาะการจ้างงานผู้สูงอายุหรือผู้พิการ ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการลดหย่อนภาษีพิเศษให้กับธุรกิจที่สร้างโอกาสการจ้างงานให้กับกลุ่มคนเหล่านี้
การพัฒนาบุคลากรเพื่อลดหย่อนภาษี
ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถยนต์ในธุรกิจ เช่น การอบรมพนักงานขับรถ การอบรมด้านความปลอดภัย สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็นการฝึกอบรมผ่านสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน อาจได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม
สรุป
การใช้สินเชื่อรถยนต์อย่างชาญฉลาดร่วมกับการวางแผนภาษีที่ดีเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมั่นคง แม้ว่าตัวสินเชื่อรถเองจะไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้โดยตรง แต่เงินที่ได้จากสินเชื่อสามารถนำไปต่อยอดเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้หลายรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม การวางแผนภาษีที่ดีควรเริ่มตั้งแต่ต้นปี เพื่อให้มีเวลาศึกษารายละเอียดของสิทธิประโยชน์ต่างๆ และเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน นอกจากนี้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อให้แน่ใจว่าการใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายและได้ประโยชน์สูงสุด และมองสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นผลพลอยได้ที่ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าให้กับการลงทุนของคุณ
สำหรับใครที่ต้องการเงินด่วน สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/
“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.ngernhaijai.com/
Line : https://bit.ly/3zDd5Kz
เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899
เผยแพร่ 15 ม.ค. 2568
บทความอื่น ๆ

เทคนิคขอสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์สำหรับเกษตรกร ได้เงินก้อนเสริมสภาพคล่อง
เกษตรกรมีปัญหาเงินทุนหมุนเวียน? รู้จักสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์สำหรับเกษตรกร พร้อม 7 เทคนิคเพิ่มโอกาสอนุมัติ ได้ผลตอบแทนคุ้มการลงทุน
เผยแพร่ 19 มี.ค. 2568

สินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่ต้องมีคนค้ำ ทำได้จริงหรือ?
อยากกู้เงินแต่ไม่มีคนค้ำประกัน? เรามีคำตอบว่าสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีคนค้ำทำได้จริงหรือไม่ พร้อมเผยเทคนิคที่ต้องรู้ก่อนสมัคร
เผยแพร่ 19 มี.ค. 2568

สินเชื่อไมโครไฟแนนซ์คืออะไร ดีกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลไหม?
สินเชื่อไมโครไฟแนนซ์คืออะไร เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียกับสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อรถ พร้อมคำแนะนำเลือกสินเชื่อให้เหมาะกับความต้องการทางการเงินของคุณ
เผยแพร่ 19 มี.ค. 2568