

ทำอย่างไร เมื่อถูกอายัดเงินเดือน?
ปัญหาหนี้สินเป็นเรื่องที่หลายคนต้องเผชิญในชีวิต โดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจผันผวนเช่นปัจจุบัน เมื่อไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด จนกลายเป็นหนี้เสีย และถูกฟ้องร้องดำเนินคดี สิ่งที่หลายคนกังวลคือการถูกอายัดเงินเดือน ซึ่งกระทบต่อรายได้และการดำรงชีวิตประจำวัน บทความนี้ เงินให้ใจจะพาคุณเข้าใจถึงกระบวนการ ข้อกฎหมาย และแนวทางรับมือเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้
สาเหตุของการถูกอายัดเงินเดือน
การถูกอายัดเงินเดือนมักเกิดจากการมีหนี้เสียที่ค้างชำระเป็นเวลานาน โดยเฉพาะเมื่อเจ้าหนี้ได้ดำเนินการฟ้องร้องและศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ชำระหนี้แล้ว แต่ลูกหนี้ยังไม่ชำระ หนี้ที่มักนำไปสู่การอายัดเงินเดือนได้แก่
- หนี้เสียบัตรเครดิตที่ค้างชำระนาน
- สินเชื่อส่วนบุคคลที่ผิดนัดชำระ
- หนี้จากการค้ำประกันบุคคลอื่น
- หนี้ตามคำพิพากษาของศาล
กฎหมายเกี่ยวกับการอายัดเงินเดือน
กฎหมายได้กำหนดหลักเกณฑ์การอายัดเงินเดือนไว้ดังนี้
1. เงินเดือนไม่ถึง 20,000 บาท อายัดเงินเดือนไม่ได้
2. เงินเดือนเกิน 20,000 บาท เจ้าหนี้สามารถอายัดเงินเดือนในส่วนที่เกิน 20,000 บาทได้
3. ค่าล่วงเวลา เบี้ยขยัน ค่าคอมมิชชั่น สามารถถูกอายัดได้ไม่เกิน 30%
4. เงินโบนัส สามารถถูกอายัดได้ไม่เกิน 50%
5. เงินตอบแทนกรณีออกจากงาน สามารถถูกอายัดได้ 100%
การอายัดเงินเดือนได้เท่าไหร่จึงขึ้นอยู่กับประเภทของรายได้และสถานะการจ้างงานของลูกหนี้
สิ่งที่ควรทำเมื่อถูกอายัดเงินเดือน
เมื่อได้รับหมายศาลให้อายัดเงินเดือน ควรเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจสถานการณ์ ตรวจสอบความถูกต้องของหนี้ และพิจารณาทางเลือกในการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเจรจากับเจ้าหนี้ การยื่นคำร้องเพื่อขอลดจำนวนเงินที่ถูกอายัด หรือการปรับแผนการเงินให้สอดคล้องกับสถานการณ์ใหม่
1. อย่าตื่นตระหนก และทำความเข้าใจคำสั่งศาล
เมื่อได้รับหมายเกี่ยวกับการอายัดเงินเดือน ให้อ่านรายละเอียดให้ครบถ้วน ทำความเข้าใจว่าเป็นหนี้จากที่ใด จำนวนเท่าไร และอายัดเงินเดือนได้เท่าไหร่
2. ยื่นคำร้องคัดค้านหากมีเหตุจำเป็น
หากคุณมีภาระจำเป็นต้องใช้เงิน เช่น ค่าเลี้ยงดูบุตร ค่ารักษาพยาบาลโรคประจำตัว หรือค่าเลี้ยงดูบิดามารดา คุณสามารถยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อขอลดจำนวนเงินที่ถูกอายัดได้
3. เจรจากับเจ้าหนี้
แม้จะถูกอายัดเงินเดือนแล้ว คุณยังสามารถเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอผ่อนปรน เช่น
- ขอลดยอดหนี้
- ขอลดอัตราดอกเบี้ย
- ขอขยายระยะเวลาชำระหนี้
- ขอลดจำนวนเงินที่ถูกอายัด
4. จัดทำแผนการเงินใหม่
เมื่อรายได้ถูกอายัดเงินเดือน คุณจำเป็นต้องปรับแผนการใช้จ่าย
- ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
- จัดลำดับความสำคัญของค่าใช้จ่าย
- หารายได้เสริมเพื่อชดเชยส่วนที่ถูกอายัด
- วางแผนชำระหนี้ให้หมดเร็วที่สุด
5. พิจารณาทางเลือกในการรีไฟแนนซ์หนี้
การรีไฟแนนซ์อาจเป็นทางออกสำหรับผู้ที่มีหนี้เสียและถูกอายัดเงินเดือน โดยเฉพาะในกรณีของหนี้เสียบัตรเครดิต เพราะจะช่วยรวมหนี้และลดภาระดอกเบี้ย ซึ่งอาจเป็นทางออกที่ดีกว่าการถูกอายัดในระยะยาว
กรณีใดบ้าง ที่เจ้าหนี้ไม่สามารถอายัดเงินได้?
ตามกฎหมาย มีเงินบางประเภทที่ไม่สามารถอายัดได้ เช่น
1. เงินเดือนข้าราชการ เจ้าหน้าที่ หรือลูกจ้างในหน่วยงานราชการ
2. เงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
3. เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
4. เงินเดือน ค่าจ้างของพนักงานที่รวมกันไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน
5. เงินฌาปนกิจสงเคราะห์
6. เบี้ยคนพิการ เบี้ยผู้สูงอายุ
ป้องกันอย่างไร ไม่ให้เกิดการอายัดเงินเดือน?
การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข วิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เกิดหนี้เสียตั้งแต่แรก
1. ชำระหนี้ตรงเวลา โดยเฉพาะหนี้เสียบัตรเครดิตซึ่งมีดอกเบี้ยสูง
2. หากมีปัญหาการชำระหนี้ ให้ติดต่อเจ้าหนี้เพื่อขอเจรจาทันที
3. ใช้บริการปรับโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงิน
4. บริหารการเงินอย่างระมัดระวัง ไม่ก่อหนี้เกินความสามารถในการชำระ
5. ตรวจสอบและรักษาประวัติเครดิตให้ดีอยู่เสมอ
สรุป
การถูกอายัดเงินเดือนเป็นสถานการณ์ที่ท้าทาย แต่ไม่ใช่ทางตัน การเข้าใจว่าอายัดเงินเดือนได้เท่าไหร่ และสิทธิของคุณตามกฎหมาย รวมถึงการเจรจากับเจ้าหนี้อย่างสร้างสรรค์ สามารถช่วยให้คุณผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้จากประสบการณ์และวางแผนการเงินที่รัดกุมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหนี้เสียในอนาคต
หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาการอายัดเงินเดือน สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายหรือที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ
สำหรับใครที่ต้องการเงินด่วน สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/
“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.ngernhaijai.com/
Line : https://bit.ly/3zDd5Kz
เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899
เผยแพร่ 19 มี.ค. 2568
บทความอื่น ๆ

การปรับโครงสร้างหนี้ มีกี่แบบ?
การปรับโครงสร้างหนี้มีกี่แบบ? เรียนรู้ 6 รูปแบบที่ช่วยแก้ปัญหาเมื่อผ่อนรถไม่ไหว พร้อมทั้งวิธีพักชำระหนี้และแนวทางแก้ให้ประวัติการชำระหนี้ดี เพื่อให้ภาระหนี้สินของคุณเบาลง
เผยแพร่ 19 มี.ค. 2568

เปลี่ยนสีรถอย่าลืมแจ้ง! 4 ขั้นตอนแจ้งเปลี่ยนสีรถ ต้องแจ้งภายในกี่วัน
เปลี่ยนสีรถครั้งใหม่ ต้องรู้! 4 ขั้นตอนแจ้งเปลี่ยนสีรถอย่างถูกต้อง พร้อมเคล็ดลับการแจ้งภายในระยะเวลาที่กำหนด เช็กเลยก่อนโดนปรับ!
เผยแพร่ 19 มี.ค. 2568

ขึ้นทางด่วนไม่มีเงินสดทำไงดี! จ่ายค่าปรับเท่าไหร่
ขึ้นทางด่วนไม่มีเงินสดทำไงดี? เรียนรู้วิธีรับมือ จ่ายค่าปรับเท่าไหร่ พร้อมทางเลือกจ่ายค่าทางด่วนแบบไม่ใช้เงินสดเพื่อการเดินทางที่ไม่สะดุด
เผยแพร่ 19 มี.ค. 2568