แก้เครดิตบูโร
หนี้เสีย

รวมเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้คุณขอสินเชื่อไม่ผ่านสักที

"ยื่นสินเชื่อครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่เคยผ่าน" ปัญหานี้สร้างความสับสนและความผิดหวังให้กับผู้ขอสินเชื่อจำนวนมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณเชื่อว่าตัวเองมีคุณสมบัติครบถ้วน แต่กลับถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน ธนาคารและสถาบันการเงินมักไม่ให้เหตุผลโดยละเอียดเมื่อปฏิเสธคำขอสินเชื่อ ทำให้ผู้ขอสินเชื่อไม่ทราบว่าควรปรับปรุงส่วนไหนของประวัติทางการเงินหรือเอกสารประกอบการพิจารณา หลายคนจึงยังคงทำผิดซ้ำเดิม ส่งผลให้ถูกปฏิเสธอีกครั้งและกระทบต่อเครดิตบูโรยิ่งขึ้น บทความนี้ เงินให้ใจจะเปิดเผยเหตุผลหลักที่ทำให้คำขอสินเชื่อของคุณถูกปฏิเสธ พร้อมแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อเพิ่มโอกาสในการอนุมัติครั้งต่อไป

1. ประวัติหนี้เสียในเครดิตบูโร

ปัญหาด้านเครดิตบูโรเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้สมัครสินเชื่อไม่ผ่าน โดยเฉพาะประวัติหนี้เสียที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยปัญหาที่พบบ่อยได้แก่

ประวัติการผิดนัดชำระหนี้

การชำระหนี้ล่าช้าเกิน 90 วันจะถูกบันทึกเป็นหนี้เสียในระบบเครดิตบูโร ซึ่งจะอยู่ในประวัติของคุณนานถึง 3 ปีหลังจากชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว ธนาคารส่วนใหญ่จะปฏิเสธลูกค้าที่มีประวัติผิดนัดชำระหนี้ภายใน 1-2 ปีที่ผ่านมา

หนี้เสียบัตรเครดิต

หนี้เสียบัตรเครดิตมีผลกระทบรุนแรงกว่าหนี้ประเภทอื่น เนื่องจากเป็นสัญญาณว่าคุณมีปัญหาในการบริหารการเงิน บัตรเครดิตที่มียอดค้างชำระนานหรือถูกยกเลิกโดยธนาคารเนื่องจากการผิดนัดชำระจะส่งผลลบต่อคะแนนเครดิตอย่างมาก

บัญชีถูกพิพาทหรือถูกฟ้องร้องดำเนินคดี

หากคุณเคยมีประวัติถูกฟ้องร้องเรียกคืนหนี้ หรือมีบัญชีที่อยู่ในสถานะพิพาท จะถูกบันทึกในเครดิตบูโรและส่งผลให้โอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อลดลงอย่างมาก

2. ภาระหนี้สินสูงเกินไปเมื่อเทียบกับรายได้

แม้คุณจะไม่มีหนี้เสีย แต่หากมีภาระหนี้สินมากเกินไปเมื่อเทียบกับรายได้ ก็อาจทำให้สมัครสินเชื่อไม่ผ่าน ได้เช่นกัน

อัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ (Debt Service Ratio: DSR) สูงเกินไป

สถาบันการเงินส่วนใหญ่กำหนดว่าภาระหนี้รวมไม่ควรเกิน 30-40% ของรายได้ต่อเดือน ตัวอย่างเช่น หากคุณมีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือน ภาระผ่อนรวมทุกประเภทไม่ควรเกิน 12,000 บาทต่อเดือน

มีสินเชื่อประเภทเดียวกันหลายราย

การมีสินเชื่อประเภทเดียวกันหลายรายการ เช่น บัตรเครดิตหลายใบ หรือสินเชื่อส่วนบุคคลหลายบัญชี อาจถูกมองว่าคุณกำลังมีปัญหาทางการเงินและพยายามกู้ที่หนึ่งเพื่อไปชำระอีกที่หนึ่ง

3. เอกสารการเงินไม่น่าเชื่อถือหรือไม่ครบถ้วน

ความไม่สมบูรณ์หรือความไม่น่าเชื่อถือของเอกสารการเงินเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สมัครสินเชื่อไม่ผ่าน

สลิปเงินเดือนหรือรายได้ไม่สม่ำเสมอ

ธนาคารต้องการเห็นความมั่นคงทางรายได้ หากคุณมีรายได้ไม่แน่นอน หรือเพิ่งเปลี่ยนงานใหม่ (น้อยกว่า 6 เดือน) โอกาสที่จะได้รับอนุมัติสินเชื่อจะน้อยลง

เอกสารการเงินมีความผิดปกติ

เอกสารที่มีความผิดปกติ เช่น สลิปเงินเดือนไม่ตรงกับยอดเงินที่เข้าบัญชี หรือรายการเดินบัญชีที่มีการถอนเงินออกทันทีหลังเงินเดือนเข้า (Zero Balance) อาจถูกมองว่ามีการปรับแต่งเอกสารเพื่อให้ผ่านการพิจารณา

เอกสารไม่ครบถ้วนหรือไม่เป็นปัจจุบัน

การส่งเอกสารไม่ครบตามที่กำหนดหรือส่งเอกสารที่หมดอายุ เช่น สเตทเม้นท์บัญชีที่เก่าเกิน 3 เดือน จะทำให้การพิจารณาล่าช้าหรือถูกปฏิเสธได้

4. สมัครสินเชื่อหลายที่ในเวลาใกล้เคียงกัน

การยื่นขอสินเชื่อหลายแห่งในระยะเวลาใกล้เคียงกันเป็นพฤติกรรมที่สถาบันการเงินมองว่ามีความเสี่ยง และอาจเป็นเหตุให้สมัครสินเชื่อไม่ผ่าน

Hard Inquiry มากเกินไปในระยะเวลาสั้นๆ

ทุกครั้งที่คุณยื่นขอสินเชื่อ สถาบันการเงินจะตรวจสอบเครดิตบูโรแบบละเอียด (Hard Inquiry) ซึ่งจะถูกบันทึกไว้ในประวัติ การมี Hard Inquiry มากกว่า 3-4 ครั้งในช่วง 6 เดือน จะส่งผลลบต่อคะแนนเครดิต

พฤติกรรมดูเหมือนกำลังขาดสภาพคล่อง

การยื่นขอสินเชื่อหลายที่พร้อมกันอาจถูกตีความว่าคุณกำลังประสบปัญหาทางการเงินและพยายามหาแหล่งเงินกู้เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วน

5. ความผิดพลาดในการแก้ไขข้อมูลหรือปรับโครงสร้างหนี้

บางครั้งแม้คุณจะพยายามแก้เครดิตบูโรแล้ว แต่อาจยังมีข้อผิดพลาดที่ทำให้สมัครสินเชื่อไม่ผ่าน

การชำระหนี้โดยไม่มีหลักฐานการปิดบัญชี

การชำระหนี้เสียครบถ้วนแล้วแต่ไม่ได้ขอหนังสือรับรองการปิดบัญชีหรือไม่ได้ติดตามให้เจ้าหนี้อัพเดทข้อมูลไปยังเครดิตบูโร อาจทำให้ประวัติหนี้เสียยังคงปรากฏอยู่

การปรับโครงสร้างหนี้ไม่ถูกต้อง

หากคุณเคยทำการปรับโครงสร้างหนี้ แต่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขใหม่อย่างเคร่งครัด หรือเจ้าหนี้บันทึกสถานะหนี้ไม่ถูกต้อง ก็อาจส่งผลลบต่อประวัติเครดิตของคุณ

ข้อมูลเครดิตบูโรผิดพลาด

บางครั้งข้อมูลในเครดิตบูโรอาจมีความผิดพลาด เช่น บันทึกการผิดนัดชำระที่ไม่เคยเกิดขึ้น หรือบันทึกหนี้ที่ไม่ใช่ของคุณ หากไม่ตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้อง ก็อาจเป็นสาเหตุให้สมัครสินเชื่อไม่ผ่าน

วิธีแก้ไขปัญหาเพื่อเพิ่มโอกาส "ผ่าน" ในการขอสินเชื่อครั้งต่อไป

1. ตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลเครดิตบูโร

- ขอดูรายงานเครดิตบูโร : ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทั้งหมด

- แก้เครดิตบูโร : หากพบข้อมูลผิดพลาด ให้ยื่นคำร้องขอแก้ไขทันที

- ชำระหนี้ค้าง : ชำระหนี้เสียทั้งหมดและขอหนังสือรับรองการปิดบัญชี

2. ปรับพฤติกรรมการใช้สินเชื่อ

- ชำระสินเชื่อตรงเวลา : สร้างประวัติการชำระที่ดีอย่างน้อย 12 เดือน

- ลดภาระหนี้ : พยายามลดหนี้ให้ DSR ต่ำกว่า 40%

- หลีกเลี่ยงการสมัครสินเชื่อหลายที่ : รอ 3-6 เดือนระหว่างการยื่นขอสินเชื่อแต่ละครั้ง

3. เตรียมเอกสารการเงินให้พร้อม

- สลิปเงินเดือน : แสดงรายได้สม่ำเสมอย้อนหลังอย่างน้อย 3-6 เดือน

- เอกสารธนาคาร : สเตทเม้นท์บัญชีย้อนหลัง 6 เดือนที่แสดงรายได้ชัดเจน

- เอกสารเพิ่มเติม : เตรียมเอกสารที่แสดงความมั่นคงทางการเงิน เช่น หลักฐานการลงทุน หรือทรัพย์สิน

4. พิจารณาใช้ผู้ค้ำประกันหรือหลักประกัน

- มีผู้ค้ำประกัน : ผู้ค้ำประกันที่มีความน่าเชื่อถือทางการเงินจะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติ

- ใช้หลักประกัน : สินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น บ้าน หรือรถยนต์ มีโอกาสอนุมัติสูงกว่า

5. ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ

- ปรึกษาพนักงานสินเชื่อ : สอบถามเหตุผลที่ถูกปฏิเสธและข้อเสนอแนะในการปรับปรุง

- พิจารณาผลิตภัณฑ์ทางเลือก : บางธนาคารมีสินเชื่อเฉพาะสำหรับลูกค้าที่กำลังฟื้นฟูเครดิต

สรุป

การถูกปฏิเสธสินเชื่อไม่ใช่เรื่องถาวร หากเข้าใจสาเหตุและดำเนินการแก้ไขอย่างถูกต้อง คุณสามารถเพิ่มโอกาสการอนุมัติในครั้งต่อไปได้ สิ่งสำคัญคือต้องมีวินัยทางการเงิน ชำระหนี้ตรงเวลา และสร้างประวัติเครดิตที่ดีอย่างต่อเนื่อง

ที่สำคัญ ควรตรวจสอบรายงานเครดิตบูโรอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลถูกต้อง และเมื่อพบว่าตนเองมีหนี้เสียหรือข้อมูลผิดพลาด ต้องรีบดำเนินการแก้เครดิตบูโรทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้จนกระทบการทำธุรกรรมทางการเงินในอนาคต

สำหรับใครที่ต้องการเงินด่วน สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/

“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Website : https://www.ngernhaijai.com/

Line : https://bit.ly/3zDd5Kz

เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899

เผยแพร่ 17 เม.ย. 2568

บทความอื่น ๆ

ลูกหนี้

บริหารลูกหนี้แบบมือโปร! เข้าใจลูกหนี้-เจ้าหนี้ในธุรกิจให้ดีขึ้น

รู้เทคนิคการจัดการลูกหนี้อย่างเป็นระบบ ป้องกันหนี้เสียตั้งแต่ต้นทาง และแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง

เผยแพร่ 17 เม.ย. 2568

สินเชื่อรถยนต์

รู้ก่อนกู้! ธนาคารคิดอย่างไรกับภาระหนี้ของคุณ?

เข้าใจหลักเกณฑ์ที่ธนาคารใช้ประเมินความสามารถในการชำระหนี้ เรียนรู้วิธีเพิ่มโอกาสอนุมัติสินเชื่อรถยนต์

เผยแพร่ 17 เม.ย. 2568

งบการเงิน

"งบการเงินส่วนบุคคล" เทคนิคเช็กความแข็งแรงทางการเงินด้วยตัวเอง

รู้จัก "งบการเงินส่วนบุคคล" เครื่องมือเช็กสุขภาพทางการเงิน เรียนรู้วิธีจัดทำงบดุลและงบกระแสเงินสดเพื่อวางแผนการออมอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมการเงินได้ด้วยตัวเอง

เผยแพร่ 17 เม.ย. 2568